Full Review : Creality Raptor series ทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันอย่างไร? เลือกอันไหนดี? บทความนี้มีคำตอบ

Full Review : Creality Raptor series ทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันอย่างไร? เลือกอันไหนดี? บทความนี้มีคำตอบ

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมา review กันอีกครั้งกับเครื่องสแกนเนอร์ 3 มิติ ของแบรนด์ Creality คือรุ่น CR-Scan Raptor , Raptor Pro และ Raptor X เป็นสแกนเนอร์ 3 มิติ ที่กำลังมาแรงเลยในช่วงนี้ที่ราคาไม่แแพงมาก แถมมยังได้ระบบการสแกนแบบเลเซอร์ด้วยทั้ง แบบขนานและแบบตาข่าย ซึ่งเราก็ได้มีทำบทความเกี่ยวกับการใช้งานตัวเครื่องมาหลายบทความแล้วอย่างเช่น …

Raptor Series สามพี่น้อง Raptor, Pro, X แรงต่างกัน ตามงบ

Raptor X 3D Scanner : สแกน USB Hub Adapter สำหรับการทำงาน Reverse Engineering

3D Scanner Creality Raptor /Raptor X ความละเอียดสูงสแกนงานขนาดเล็กจะดีขนาดไหน?

แล้วก็ยังมีบทความที่เกี่ยวข้องอีกมากมายลองเข้าไปอ่านกันดูได้นะครับ Raptor series ทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมกับการทำงานโดยใช้แสง 2 แบบ คือ อินฟราเรด “Infrared” และบลูเลเซอร์ “Blue Laser” แสดงว่าสามารถสแกนรูปทรงปติมากรรมต่างๆ รูปร่างของมนุษย์ และสามารถสแกนเน้นความแม่นยำด้านวิศวกรรรมได้อีกด้วย ถือว่าเป็นเครื่องสแกนเนอร์ 3 มิติ ที่ถือว่าออกมาครอบคุมการใช้งานเลยทีเดียว และที่สำคัญคือราคาสามารถเข้าถึงได้เริ่มต้นที่ 40K – 130K บาท บทความนี้เราจะมาทำการแนะนำว่าแต่ละเครื่องแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ทั้งการสแกนงาน ราคา และวัตถุที่เหมาะสมต่อการสแกน ใครที่กำลังมองหาสแกนเนอร์ 3 มิติ สักเครื่องแล้วกำลังลังเลอยู่ลองดูบทความนี้แล้วจะตัดสินใจได้เลยว่าจะเลือกรุ่นไหนระหว่างทั้ง 3 รุ่นนี้ครับ

ความแตกต่างของ CR-Scan Raptor series ทั้ง 3 รุ่น

ก่อนอื่นเลยเราจะมาดูกันที่องประกอบของตัวเครื่องกันก่อน อย่างเช่น ลักษณะถายนอก กล่อง อุปกรณ์ที่จะได้มากับราคาที่แตกต่างกัน โดยบอกก่อนเลยว่าทั้ง 3 รุ่นมีความแตกต่างกันแน่นอนครับ ทั้งราคาและการนำไปใช้งานแต่ทั้ง 3 รุ่นเลือกแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

  • อุปกรณ์ภายในกล่อง
ภายในกล่อง CR-Scan Raptor และ Creality Raptor Pro
ภายในกล่อง Creality Raptor X
  • ขนาดของกล่อง Raptor series ทั้ง 3 รุ่น

Creality Raptor นั้นจะมาพร้อมกล่องกันกระแทกที่แข็งแรง เหมาะสำหรับการพกพาออกเดินทางไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ แม้กระทั้งการจัดเก็บก็สามารถป้องกันการเสียหายที่จะเกิดกับตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ขนาดของกล่อง Raptor series ทั้ง 3 รุ่น
ภายในกล่องของ Raptor series ทั้ง 3 รุ่น
จากรูปทั้ง 3 รุ่นจะมี Scan Bridge ที่แถมมาด้วยเฉพาะ Raptor X เท่านั้น
  • Scan Bridge อุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สายสำหรับ Creality Raptor Series

จากรูปจะเห็นทุกรุ่นสามารถเชื่อมต่อกับ Scan Bridge ได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 12,900 บาท จะเป็นทั้งตัวกระจ่ายสัญญาณและมีไฟอยู่ภายในตัวเองซึ่งจะเชื่อมต่อกับตัวเครื่องสแกนเนอร์ผ่านสาย แต่จะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โดยผ่าย Wi-Fi 6 AX6000 ซึ่งเป็นสัญญาณที่มีการส่งถ่ายข้อมูลที่รวดเร็วมาก และอย่างที่บอกว่าเจ้าตัว Scan Bridge นั้นมีแบตเตอร์รี่อยู่ภายตัวเองขนาด 35,400 mWh หรือถ้านำมาเชื่อมต่อและใช้งานกับ Raptor scanner จะใช้งานยาวนานได้สูงสุดที่ 4 ชั่วโมง

การเชื่อมต่อกับ Scan Bridge

จะเห็นได้ว่า Scan Bridge นั้นจะเชื่อมต่อกับตัวเครื่องสแกนเนอร์โดยใช้สายที่เป็น USB-A to USB-C สายเส้นนี้จะแถมมาด้วยกับ Scan Bridge ครับ ส่วนการควบคุมการสแกนจะมีปุ่มที่ด้ามจับของ Scan Bridge และมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือสามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้เป็นการ mirror หน้าจอของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ทำงานมาแสดงที่หน้าจอมือถือของเราทำให้เวลาที่เราสแกนงานขนาดใหญ่ที่จะต้องมองที่วัตถุเป็นหลังมีการเดินขยับตัวรอบๆ วัตถุสามารถมองหน้าจอบนมือถือแทนได้เลยทำให้การทำงานของเรานั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก มืออาชีพแนะนำเลยว่าควรจะมีอุปกรณ์ Scan Bridge ตัวนี้ติดไว้ด้วยนนะครับ แต่ๆ ถ้าซื้อ Creality Raptor X จะไม่ต้องซื้อเพิ่มเติมนะครับ เพราะแถมมาด้วยส่วนใครที่งบน้อยซื้อ CR-Scan Raptor หรือ Raptor Pro จะต้องซื้อเพิ่มนะครับ

Scan Bridge จะมาพร้อมกับกระเป๋า
  • รายละเอียดของ Creality Raptor series ทั้ง 3 รุ่น 

Creality Raptor ทั้ง 3 รุ่นนั้นจะมีความละเอียดในการสแกนสูงสุดอยู่ที่ 0.02 mm. “20 ไมครอน” ถือว่าเป็นเครื่องสแกนเนอร์มีความละเอียดสูงมากถ้าพูดตามรูปแบบการสแกนโดยเป็น Handy scanner 3D ที่ใช้มือจับตัวเครื่องถืดสแกนชิ้นงาน ถ้าพูดถึงความละเอียดแล้วในโหมดการสแกนแรกโดยแบ่งออกเป็นใช้อินฟราเรด และเลเซอร์สีน้ำเงิน จะได้ตามนี้

    • อินฟาเรด “NIR Infrared”  ; CR-Scan Raptor, Raptor Pro และ Raptor X จะมีความละเอียดในการสแกนอยู่ที่ 0.10 mm. , 0.075 mm. และ 0.05 mm. ตามลำดับซึ่ง Raptor X จะมีความละเอียดของอินฟราเรดที่ดีกว่าทั้ง 2 รุ่น
    • เลเซอร์สีน้ำเงิน “Parallel Blue Laser”CR-Scan Raptor, Raptor Pro และ Raptor X จะมีความละเอียดในการสแกนอยู่ที่ 0.02 mm. ทั้ง 3 รุ่น แต่ๆ ที่แตกต่างกันก็อย่างเช่น ถ้ามีการเทียบเรื่องของขนาดตามปริมาตรที่ 1 m Creality Raptor Pro จะมีค่าความแม่นยำบวกเพิ่มต่อเมตรอยู่ที่ 0.08 mm./m. ส่วน Creality Raptor X จะมีค่าความแม่นยำบวกเพิ่มต่อเมตรอยู่ที่ 0.06 mm./m.  และ Raptor จะไม่ได้มีแจ้งให้ทราบครับ
    • เลเซอร์สีน้ำเงิน “Cross Blue Laser”CR-Scan Raptor จะมีแค่เลเซอร์แบบขนาด 7 เส้นเท่านั้น ส่วน Raptor Pro จะมีเลเซอร์ทั้งแบบขนาด 7 เส้น และเลเซอร์แบบตาราง 22 เส้น สุดท้ายเลยพี่ใหญ่ Creality Raptor X จะมีเลเซอร์ทั้งแบบขนาด 7 เส้น และก็เลเซอร์แบบตาราง 34 เส้น ซึ่งมากกว่า Raptor Pro ทำให้เวลาที่เราสแกนงานขนาดใหญ่จะทำให้เร็วกว่าทั้ง Raptor ธรรมดากับ Raptor Pro หลายเท่ามากครับ

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราอยากที่จะทำงานให้ลื่นไหลไม่สะดุด ก็จะต้องมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประมวลผลที่แรงด้วยเช่นกัน ถ้าถามว่าคอมพิวเตอร์ไม่ได้แรงตามรายละเอียดด้านล่างสามารถทำงานได้ไหม ทำได้นะครับ แต่อาจจะใช้เวลาในการประมวลผลนานหน่อยลองเลือกใช้ตามงบที่ทางเราสะดวกได้เลยนะครับ

รายละเอียดของ Cleality Raptor ทั้ง 3 รุ่น

Creality Raptor scanner ทั้ง 3 รุ่นนี้จะสามารถนำไปสแกนแบบกลางแจ้งได้นะครับ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีค่าของความสว่างของแสง โดยที่ในระบบอินฟราเรด “์NIR Infrared” ทั้ง 3 รุ่นจะมีค่าอยู่ที่ 30,000 lux เท่ากัน และบลูเลเซอร์ “Blue Laser” ทั้ง 3 รุ่นจะมีค่าต่างกันซึ่งรุ่น Raptor X จะมีค่าความสว่างของแสงมากกว่ารุ่นอื่นๆ มาก ค่าจะอยู่ที่ 100,000 lux ไม่เกินนี้ในโหมดของบลูเลเซอร์แบบตาข่าย 34 เส้น นะครับ อย่างที่แนะนำถ้างบเราถึงไปเล่นที่รุ่นท็อปสุดของ Ceality เลย ครอบคลุมงานได้ทั้งหมดสแกนงานได้หลากหลายมากกว่า

ต่อไปเดี๋ยวเราาจะลองทดสอบการสแกนทั้ง 3 รุ่นเทียบกันดูนะครับ แต่ความละเอียดในการทดสอบจะไม่ได้ตั้งค่าสูงสุดแต่ถ้าใครอยากดูแบบเทียบกับที่ความละเอียดสูงสุดลองดูได้จากบาทความนี้ครับ Raptor Series สามพี่น้อง Raptor, Pro, X แรงต่างกัน ตามงบ

ทดสอบการสแกน Creality Raptor series ทั้ง 3 รุ่น

  • ทดสอบการสแกนในโหมดอินฟราเรด “NIR Infrared”

การสแกนโดยใช้โหมดอินฟราเรด “Infrared” จะเป็นการส่งสัญญาณคลื่นอออกไปกระทบกับวัตถุซึ่งตาของเราจะไม่สามารถมองเห็นได้ ในโหมดการสแกนอันนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องติด Marker reference ที่ใช้อ้างอิงการเชื่อมต่อการสแกนแต่ละข้อมูล อีกอย่างโหมดนี้จะเหมาะกับชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่และไม่ได้เน้นความละเอียด สามารถสแกนร่างกายมนุษย์ได้ซึ่งไม่มีผลต่อดวงตาของมนุษย์เรา เมื่อเราเข้าไปที่โหมดการสแกนแบบอินฟราเรด “Infrared” นั้นหน้าต่างของซอฟต์แวร์ Creality จะมีให้เลือกเลยว่าจะสแกนวัตถุเป็นแบบได้ คือ Object, Face หรือ Body การเลือกการในโหมดนี้จะมีการตั้งค่าเบื้องต้นไว้ให้แล้ว เพื่อเพิ่มความง่ายต่อการใช้งานของผู้ใช้งาน

โหมดการสแกนแบบอินฟราเรด “NIR Infrared mode”

จะเห็นว่าการตั้งค่าในการสแกนจะดูเรียบง่าย ไม่ยุ่งยากใครๆ ก็สามารถใช้งานได้ไม่ว่าจะมือใหม่เพิ่งเริ่มใช้งาน หรือจะมืออาชีพก็ตาม ในการสแกนเราสามารถเลือกเก็บสีของวัตถุได้ด้วย การเชื่อมต่อข้อมูลของการสแกนเลือกได้ 3 แบบเลยทีเดียว คือ Geometry, Texture และ Marker

หน้าต่างการสแกน Infrared mode

หน้าต่างการใช้งานระหว่างการสแกนนั้นดูเรียบง่ายและเข้าใจง่าย สามารถปรับค่าแสงที่กระทบต่อวัตถุได้เอง และปรับอัตโนมัติได้ แล้วถัดมาจะบอกระยะห่างจากวัตถุที่เหมาะสม ส่วนตรงกลางจะแสดงให้เห็นแบบจำลอง point cloud ที่ได้จะจากการสแกนจะเป็นสีเขียวๆ จากที่ได้ลองทำการสแกนด้วย Creality Raptor series ทั้ง 3 รุ่นในโหมดอินฟราเรดกับโมเดลสีขาวขนาด 40x25x60 เซนติเมตร ผลที่ได้จากทั้ง 3 รุ่นมีดังนี้

    • Creality CR-Raptor ; ใช้เวลา 55 วินาที / 70,879 Point / 1,001 Frame
    • Creality Raptor Pro ; ใช้เวลา 53 วินาที / 70,582 Point / 1,011 Frame
    • Creality Raptor X ; ใช้เวลา 54 วินาที / 70,323 Point / 1,042 Frame

ถือว่าทั้ง 3 รุ่นในโหมดการสแกนแบบใช้อินฟราเรดนั้นไม่แตกต่างกันมากครับ ในการสแกนวัตถุขนาดกลางๆ ความเร็วโดยรวมจะปรมาณง่ายๆ อยู่ที่ 1 นาที ส่วนการเก็บ Point cloud และจำนวนของเฟรมในการสแกนต่างกันน้อยมากครับ

โมเดลที่ได้จากการปิดผิวจาก Point cloud เป็น Mesh ครับ

Mesh การสแกนในโหมด Infrared

 

  • ทดสอบการสแกนในโหมดบลูเลเซอร์ขนาด 7 เส้น “7-Blue Parallel Laser lines”

การสแกนในโหมดบลูเลเซอร์แบบขนาด 7 เส้น “7-Blue Parallel Laser Lines” นี้จะมีทั้งหมดทุกรุ่นทั้ง CR-Scan Raptor, Raptor Pro และ Raptor X ความละเอียดที่สามารถทำได้สูงสุดจะอยู่ที่ 0.02 มิลลิเมตร “20 ไมครอน” เท่ากันทั้งหมด แต่รุ่น Raptor Pro กับ Raptor X จะได้เปรียบในงานที่จะนำไปใช้ทางด้านการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นงานแบบอุตสาหกรรม เพราะถ้าวันในเชิงปริมตาร Raptor Pro จะมีความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ 0.02mm.+0.08mm/m. และถ้าเป็น Raptor Pro จะมีความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ 0.02mm.+0.06mm./m แล้วก็ Raptor ธรรมดาจะไม่ได้บอกไว้ครับ แต่น่าจะคลาดเคลื่อนไม่มากเช่นกัน มาดูการทดสอบการสแกนกันครับ ซึ่งโหมดบลูเลเซอร์แบบขนาด 7 เส้นนี้ จะได้ความละเอียดที่สูงเน้นไปที่งานเก็บรายละเอียดของวัตถุ

การสแกนในโหมดบลูเลเซอรทั้ง Parallel และ Cross

จะเห็นได้ว่าหน้าการตั้งค่าในการสแกนแบบบลูเลเซอร์สามารถเก็บสีของชิ้นงานได้ด้วยนะครับ ส่วนการเชื่อมต่อข้อมูลของการสแกนจะต้องใช้เป็น marker อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งรุ่นนี้จะใช้ได้ 2 ขนาด คือ Marker ขนาด 3 มิลลิเมตร และขนาด 6 มิลลิเมตร ทำไมต้องมี 2 ขนาด ถ้างานที่เราจะทำการสแกนมีขนาดที่เล็กประมาณ 100 มิลลิเมตร อาจจะใช้ marker ขนาด 3 มิลลิเมตรเป็นหลักส่วนถ้างานขนาดใหญ่มากกว่า 1 เมตร ก็ใช้ marker ขนาด 6 มิลลิเมตร เมื่อเราสแกนวัตถุขนาดใหญ่ระยะห่างระหว่างสแกนเนอร์กับวัตถุก็จะเพิ่มมากขึ้นถ้าเป็นแบบบลูเลเซอร์ “Blue Laser Lines” จะได้ใกล้สุดที่ 150 มิลลิเมตร และไกลที่สุดที่ทำได้ 600 มิลลิเมตรครับ เพราะฉนั้นก็ควรจะเลือกให้เหมาะสมกับการสแกนของเรา

โหมดการสแกนแบบบลูเลเซอร์

เราจึงลองสแกนงานขนาดไม่ใหญ่มากโดยมีรายละเอียดของวัตถุที่ซับซ้อนหน่อยครับ วัตถุที่นำมาสแกนเป็นโมเดลเรซิ่นขนาด 15x8x25 เซนติเมตร สีเทาด้าน ความละเอียดที่ตั้งค่าไว้จะอยู่ที่ 0.3 mm. เพื่อให้เร็วต่อการสแกนครับ แต่เราสามารถปรับได้อีกที่ 0.1 mm. แล้วแต่รายละเอียดของวัตถุที่เรานำมาสแกน อันนี้เราจะไม่ได้เทียบเวลานะครับ เพราะจะเน้นไปทีรายละเอียดของงานเป็นหลักเพราะความเร็วจะไม่ได้ต่างกันอยู่แล้ววัตถุไม่ได้มีขนาดใหญ่

ความละเอียดที่ใช้ทดสอบการสแกน 7-Parallel อยู่ที่ 0.3 mm.

โมเดลที่ได้จากการปิด Point cloud เป็น Mesh

Mesh การสแกนในโหมด 7-Blue Parallel Laser Lines
  • ทดสอบการสแกนในโหมดบลูเลเซอร์ตาข่าย 22 เส้น และ 34 เส้น “22 and 34 Cross Blue Laser lines”

ในโหมดการสแกนนี้จะเหมาะสมกับการสแกนงานที่มีขนาดที่ใหญ่แนะนำที่มากกว่า 1 เมตร ขึ้นไป ซึ่งการสแกนในโหมดบลูเลเซอร์นี้ระหว่าง 7-Parallel กับ Cross  สามารถสลับกันทำงานได้การสแกนจริงๆ สแกนแบบตาข่าย “Cross Laser” จะเน้นที่เก็บผิววัตถุเรียบ ส่วนรายละเอียดเล็กๆ จะสลับไปใช้แบบบลูเลเซอร์ขนาด “7-Blue Parallel Laser” อันนี้คือขอได้เปรียบของสแกนเนอร์รุ่น Raptor Pro และ Raptor X ครับ เนื่องจากทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีการสแกนแบบอินฟราเรด และยังมีบลูเลเซอร์ทั้ง 7 เส้น และแบบบลูเลเซอร์ตาข่าย Raptor Pro จะมีทั้งหมด 22 เส้น แล้วก็ Raptor X จะมีทั้งหมด 34 เส้น ความละเอียดสูงสุดที่ทำได้จะอยู่ที่ 0.02 มิลลิเมตร ” 20 ไมครอน” เช่นกันกับแบบบลูเลเซอร์ขนาด 7 เส้น “7-Parallel Blue Laser lines”

วัตถุที่เรามาทดสอบการสแกนนี้เป็นล้อแม็กขนาด 40-41 เซนติเมตร มีความเงาบนผิวของวัตถุ

    • Creality CR-Raptor ; ใช้เวลา 4 นาที / 1,630,700 Point / 7,850 Frame (ใช้ 7-Parallel laser lines)
    • Creality Raptor Pro ; ใช้เวลา 1.20 นาที / 680,000 Point / 2,400 Frame (ใช้ 22-Cross laser lines)
    • Creality Raptor X ; ใช้เวลา 40 วินาที / 650,000 Point / 1,500 Frame (ใช้ 34-Cross laser lines)

โมเดลที่ได้จากการปิด Point cloud เป็น Mesh

การสแกนโ้วยโหมดบลูเลเซอร์แบบตาข่าย

ความละเอียดที่ตั้งค่าไว้อยู่ที่ 0.5 มิลลิเมตร และโหมดเลเซอร์ที่ใช้สแกนจะมีเพียงแค่ CR-Scan Raptor เท่านั้นที่จะไม่มีบลูเลเซอร์แบบตาข่าย “Cross Blue Laser Lines” นอกนั้น Raptor Pro จะมีบลูเลเซอร์แบบตาข่ายจำนวน 22 เส้น และ Raptor X จะมีบลูเลเซอร์แบบตาข่ายจำนวน 34 เส้น สรุปง่ายๆ Raptor X จะมีบลูเลเซยอร์แบบตาข่ายมากที่สุดทำให้เวลาที่สแกนวัตถุขนาดใหญ่มากกว่า 1 เมตร ขึ้นไปจะเร็วกว่าทั้ง 2 รุ่น 2-3 เท่าตัว

ความแตกต่างของ Creality Raptor ทั้ง 3 รุ่น

สรุปหลังจากการลองใช้งานทดสอบสแกนทั้ง 3 โมเดล ด้วย Infrared และ Blue Laser

จะขอสรุปรายละเอียดจากที่ได้ทดลองใช้งาน แล้วก็สแกนวัตถุทั้ง 3 แบบโดยใช้งาน 2 โหมด คืออินฟราเรด “Infrared” และบลูเลเซอร์ “Blue laser lines” ดังด้านล่างนี้ครับ

สรุปการทดสอบการสแกน Infrared และ Blue laser
  • Creality CR-Scan Raptor : เป็น 3D scanner ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น และผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยราคาที่ไม่แพงและใช้งานง่าย ทำให้ CR-Scan Raptor เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลองใช้ 3D scanner หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด มีทั้ง 7-Parallel Blue Laser Lines และมีอินฟราเรดโหมดสแกนแบบไม่ต้องใช้ Marker ได้อีกด้วย **ถ้าต้องการสแกนแบบไร้สายต้องซื้อ Scan bridge เพิ่ม

จุดเด่น **ถ้าต้องการสแกนแบบไร้สายต้องซื้อ Scan bridge เพิ่ม

    • ความแม่นยำ: ให้ความแม่นยำในระดับที่ดี เหมาะสำหรับการสแกนวัตถุขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่ต้องการรายละเอียดสูงมากนัก
    • ความเร็ว: สแกนได้รวดเร็วพอสมควร แต่อาจจะยังไม่เทียบเท่า Raptor Pro และ Raptor X
    • การใช้งาน: ใช้งานง่ายและสะดวก
    • ความสามารถในการสแกนวัตถุเงาและดำ : สามารถสแกนผิวที่มีความเงาของโลหะได้ และก็ส่วนที่เป็นสีดำก็สามารถสแกนได้เช่นกัน แต่อาจจะช้ากว่า Raptor Pro และ Raptor X เนื่องด้วยถ้าจะเก็บพื้นผิวของชิ้นงานนั้น Raptor จะมีเพียงแค่โหมดการสแกนแบบ Parallel Laser 7 Line เท่านั้น
    • ความละเอียด : Laser scan 0.02 mm @100 mm. /และ NIR 0.1 mm.
    • ขนาดวัตถุที่เหมาะสม : สามารถสแกนวัตถุ 5 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดกลาง แนะนำที่ได้ถึง 2 เมตร

 

  • Creality Raptor Pro : เป็น 3D scanner ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น และผู้ใช้งานมืออาชีพ ที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยราคากลางๆ และใช้งานง่าย ทำให้ Raptor Pro เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหา 3D Scanner ที่มีความคุ้มค่าที่สุดอีก 1 ตัว ที่สามารถสแกนได้ทั้งงานขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ ด้วยโหมดการสแกนเลเซอร์ที่ได้ทั้ง 7-Parallel Blue Laser Lines และ 22-Cross Blue Laser Lines แล้วยังมีอินฟราเรดโหมดสแกนแบบไม่ต้องใช้ Marker ได้อีกด้วย **ถ้าต้องการสแกนแบบไร้สายต้องซื้อ Scan bridge เพิ่ม

จุดเด่น

    • ความแม่นยำ: ให้ความแม่นยำในระดับที่ดีมาก เหมาะสำหรับการสแกนวัตถุขนาดเล็กถึงใหญ่
    • ความเร็ว: สแกนได้รวดเร็วกว่า Raptor ประมาณ 25% แต่อาจจะยังไม่เทียบเท่า Raptor X
    • การใช้งาน: ใช้งานง่ายและสะดวก
    • ความสามารถในการสแกนวัตถุเงาและดำ : สามารถสแกนผิวที่มีความเงาของโลหะได้ และก็ส่วนที่เป็นสีดำก็สามารถสแกนได้เช่นกัน แต่อาจจะช้ากว่า Raptor X เนื่องด้วยในโหมดเลเซอร์สแกนจะมีเลเซอร์ จำนวน 22 เส้น แต่เจ้า Raptor X มีเลเซอร์ถึงจำนวน 34 เส้น
    • ความละเอียด : Laser scan สูงสุดที่ 0.02 mm+0.08mm. /และ NIR 0.075mm.+0.1mm/m.
    • ขนาดวัตถุที่เหมาะสม : สามารถสแกนวัตถุ 5 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดกลาง แนะนำที่ได้ถึง 4 เมตร

 

  • Creality Raptor X : เหมาะสำหรับมืออาชีพและผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง เป็น 3D scanner ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เหมาะสำหรับมืออาชีพและผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูงในการสแกน ที่มาพร้อมการอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายทำใทห้การสแกนงานขนาดใหญ่ได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นมากกว่า Raptor ถึง 50% และมากกว่า Raptor Pro ถึง 25% โดยประมาณครับ

จุดเด่น

    • ความแม่นยำ  :ให้ความแม่นยำในระดับที่ดีมาก เหมาะสำหรับการสแกนวัตถุขนาดเล็กถึงใหญ่
    • ความเร็ว : สแกนได้เร็วกว่า Raptor ถึง 50% และ Raptor Pro ถึง 25% โดยประมาณ
    • การใช้งาน : ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น รองรับการสแกนวัตถุขนาดใหญ่และวัตถุสีดำ/เงาได้ดีกว่า
    • ความสามารถในการสแกนวัตถุเงาและดำ : สามารถสแกนวัตถุที่มีพื้นผิวสีดำและเงาได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้สเปรย์ เนื่องจากมีเทคโนโลยีการสแกนที่หลากหลายกว่า
    • ความละเอียด : Laser scan สูงสุดที่ 0.02 mm+0.06mm. /และ NIR 0.075mm.+0.1mm/m
    • พกพา: น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มาพร้อม Scan Bridge wireless
    • ขนาดวัตถุที่เหมาะสม : สามารถสแกนวัตถุตั้งแต่ขนาด 5 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ถึง 4 เมตร