สวัสดีทุกท่าน ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับเครื่องพิมพ์สามมิติระบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องด้วยปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์ระบบนี้ได้มีราคาที่ต่ำลงจนคนทั่วไปจับต้องได้ และมีความปลอดภัยที่มากขึ้น ถึงแม้ว่าราคาของเครื่องพิมพ์สามมิติระบบ FDM จะถูกลง แต่เทคโนโลยีนั้นก็ไม่ได้ถูกลดลงไปเลยแม้แต่น้อย และกลุ่มผู้ใช้งานเองนั้นก็มีหลากหลายหลุ่มมากขึ้น ตั้งแต่นักเรียนประถมตัวน้อยๆ ไปจนถึงระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และเครื่องพิมพ์ระบบนี้ก็จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของใครหลายๆ คน ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักเครื่องพิมพ์ระบบนี้ และการเลือกใช้งานกัน
- ประวัติความเป็นมาอย่างไง?
- FDM 3D Printer คืออะไร ?
- FDM มีกี่ประเภท?
- จุดเด่น จุดด้อยของ 3D Printer FDM
- แนะนำการเลือกเครื่อง FDM ไว้ใช้งาน
- สรุป
- แนะนำเว็บโหลดโมเดลฟรี
ประวัติความเป็นมาอย่างไง?
FDM 3D printer (Fused Deposition Modeling 3D Printer) หรือเครื่องพิมพ์สามมิติระบบฉีดเส้นพลาสติกที่เราคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน และเป็นระบบที่กลายเป็นรูปแบบเริ่มต้นของเครื่องพิมพ์สามมิติไปแล้ว แต่รู้หรือไม่? เครื่องพิมพ์สามมิติเครื่องแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นไม่ได้เครื่องระบบ FDM เแต่เป็นระบบ SLA ต่างหากที่เกิดขึ้นก่อน SLA 3D Printer คืออะไร
โดยเครื่องพิมพ์ระบบ FDM เกิดขึ้นโดยคุณ S. Scott Crump ในปี ค.ศ. 1988 ซึ่งเขาได้ไอเดียนี้ในการสร้างเครื่องพิมพ์สามมิติ มาจากปืนยิงกาวที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แนวคิดสำหรับ FDM เกิดขึ้นที่ Crump เมื่อเขาสร้างกบของเล่นสำหรับลูกสาวโดยใช้ปืนกาว และส่วนผสมของโพลีเอทิลีน และขี้ผึ้งเทียน Scott ตระหนักว่าเขาสามารถใช้แนวคิดเดียวกันนี้เพื่อสร้างวัตถุสามมิติได้ และด้วยเหตุนี้ FDM จึงถือกำเนิดขึ้น
ในปีถัดมา Scott ได้ก่อตั้งบริษัทเครื่องพิมพ์สามมิติขึ้นมาในปี 1989 พร้อมจำหน่ายเครื่องพิมพ์สามมิติแบบ FDM เครื่องแรกขึ้นมา โดยเครื่องรุ่นแรกนั้นถูกใช้งานด้านการฉีดขึ้นรูปแม่พิมพ์พลาสติกขึ้นมาสำหรับงานอุตสาหกรรม ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วกว่าถึง 35 ปี บริษัทของ Scott ก็ยังคงเป็นเบอร์ต้นของโลกของวงการเครื่องพิมพ์สามมิติระบบ FDM และยังคงเป็นผู้นำด้านเครื่องพิมพ์สามมิติอยู่จนถึงปัจจุบัน นั่นคือ Stratasys
FDM 3D Printer คืออะไร ?
การทำงานของเครื่องพิมพ์สามมิติระบบ
ระบบเส้นพลาสติก หรือ FDM มาจากคำ Fused Deposition Modeling หรือที่หลายๆ คนเรียกระบบนี้ว่า FFF (Fused Filament Fabrication) การหลอมเส้นพลาสติกแล้วฉีดขึ้นรูป หลักการทำงานคือเครื่องจะทำความร้อน ละลายเส้นพลาสติกที่เรียกว่าฟิลาเมนต์ Filament โดยพลาสติกที่ถูกหลอมละลายเป็นของเหลว ไหลออกมาที่หัวฉีด เครื่องจะเคลื่อนหัวฉีดเพื่อวาดรูปร่าง Cross Section ของโมเดล 3มิติ ขึ้นมาทีละชั้น เมื่อวาดชั้นหนึ่งเสร็จแล้วเครื่องจะยกหัวฉีดขึ้นพิมพ์ชั้นต่อไป ทำไปเรื่อยๆ จนออกมาเป็นชิ้นงาน โดยมากแล้วโมเดล 3มิติชิ้นหนึ่งจะมีมากถึง 100 Layer – 10,000Layer กันเลยทีเดียว
จะเห็นว่าระบบ FDM ก็เหมือนกับการใช้ปืนกาวนั้นเอง โดยละลายพลาสติกแล้วฉีดออกมาวาดขึ้นรูปชั้นต่อชั้น ระบบนี้เป็นที่นิยมเพราะดูแลรักษาง่าย และ Filament ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปมีหลากหลาย
หมายเหตุ เส้นพลาติกที่มาใช้ที่นิยมจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.75mm โดยมีชนิดให้เลือกมากกว่า 20ชนิด แต่ชนิดที่นิยมใช้มากที่สุดคือ PLA, ABS ขนาดหัวฉีดที่นิยมมากที่สุดคือ 0.4mm
FDM มีกี่ประเภท?
โดยทั่วไปการทำงานของเครื่องพิมพ์สามมิตินั้นจะใช้การฉีดเส้นพลาสติก และหลอมละลายด้วยความร้อน แล้วค่อยๆ ขึ้นรูปทีละชั้นเหมือนๆ กัน แต่ความสามารถในการขึ้นรูปของแต่ละเครื่องนั้นจะขึ้นอยู่ที่สเปค และวัสดุของหัวพิมพ์เป็นหลัก ดังนั้นการแบ่งประเภทเครื่องพิมพ์สามมิติระบบ FDM เราจะแบ่งตามลักษณะโครงสร้าง และการเคลื่อนที่ของเครื่องนั้นๆ ดังนี้
1.ระบบ Catersian
ระบบนี้เป็นระบบยอดนิยมที่สุดระบบหนึ่ง เนื่องจากจะเป็นระบบที่เข้าใจง่ายที่สุด โดยอธิบายง่ายๆก็คือ ระบบนี้การเคลื่อนที่ของหัวฉีดจะเคลื่อนที่ตามแนวแกน X Y Z ตามปกติ โดยที่แต่ละแกนนั้นจะมีมอเตอร์แยกกันทำงานในแต่ละแกน และหัวฉีดจะเคลื่อนที่ไปในแต่ละแกนตามโครงสร้างของเครื่อง เช่น หากมีการเคลื่อนที่ในแนวแกน X หัวฉีดก็จะทำการเคลื่อนที่ตามรางลูกปืนของแกน X เท่านั้น โดยการเคลื่อนของระบบนี้จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมทั้งหมดนั่นเอง
เครื่องระบบ Cartesian นั้นอาจจะมีการวางมอเตอร์ และรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย แต่พื้นฐานก็ยังจะเป็นหลักการเดิมของเครื่องระบบรางลูกปืนตามแบบ catesian โดยจะขอยกตัวอย่างแบบต่างๆ เครื่องระบบ Cartesian ให้เห็นภาพดังนี้
Retilinear หรือแบบโครงสี่เหลี่ยม ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะเครื่องเป็นตู้สี่เหลี่ยม มีทั้งแบบตู้ปิด และเครื่องเปิดโล่ง เป็นระบบที่ค่อนข้างมั่นคงแต่จะมีชิ้นส่วนที่ค่อนข้างเยอะ เช่น Flashforge Guider2s, Ultimaker S3, Makerbot replicator+
Bed Slinger หรือแบบถาดเลื่อน โดยเครื่องจะวางให้ฐานพิมพ์ของเครื่องนั้นอยู่ในแนวแกน Y และฐานพิมพ์จะทำการวิ่งไปมาในแนวแกน Y ตลอดที่มีการพิมพ์งาน ระบบนี้ชิ้นส่วนจะน้อยกว่าแบบอื่น และดูแลง่าย ราคาถูก แต่คุณภาพงานจะคุมยากกว่าแบบอื่น เพราะฐานจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาเลยส่งผลให้งานเกิดการสั่นไหวเวลาพิมพ์นั่นเอง เช่น Prusa i3, Flashforge Adventurer4,Creality Ender Series
ข้อดี : พิมพ์งานได้อย่างแม่นยำ ราคาถูก เพราะโครงสร้างไม่ซับซ้อนจนเกินไป โครงสร้างเข้าใจง่าย ทำให้ซ่อมบำรุง หรือปรับแต่งได้ง่าย
ข้อเสีย : โครงสร้างใหญ่กว่าพื้นที่พิมพ์ และมีน้ำหนักมาก เคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้า
2.ระบบ CoreXY
ระบบนี้ โดยการเคลื่อนที่ของหัวพิมพ์จะแบบแนวทะแยง โดยมอเตอร์ตัวนึงจะควบคุมการเคลื่อนแนว -X -Y และอีกตัวจะเคลื่อนที่แนว +X +Y ระบบนี้จะมีการหน่วงของการเคลื่อนเปลี่ยนแนวแกนที่ต่ำมากๆ ทำให้สามารถเร่งความเร็วของเครื่องได้มากกว่า 3 เท่าโดยที่คุณภาพงานยังคงเท่าเดิม เช่น Flashforge Adventurer 5M Series,Bambulab P1 Series
ข้อดี : พิมพ์งานได้เร็วมากๆ และได้ชิ้นงานที่มีความแม่นยำ พื้นที่พิมพ์ใหญ่
ข้อเสีย : ชิ้นส่วนต่างๆจะซับซ้อนกว่าแบบ Catersian ทำให้การซ่อมบำรุงทำได้ยากกว่า เครื่องจะกินไฟมากกว่า
3.ระบบ Delta
ระบบนี้การเคลื่อนที่ของแนวแกนจะไม่ใช่ X Y Z แต่จะเคลื่อนที่ในแนวตั้งในแนว I J K แทน ซึ่งโครงของตัวเครื่องจะมี 3 เสา มอเตอร์จะถูกติดตั้งอยู่ตามแต่ละเสา และดึงสายพานขึ้นลงประสานกันเพื่อให้หัวฉีดเคลื่อนที่ให้ถูกต้องตามทิศทางที่กำหนดไว้ เครื่องระบบนี้เริ่มได้รับความนิยมที่ลดลงมาก เนื่องจากข้อจำกัดของเครื่องระบบนี้ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการใช้งานเครื่องพิมพ์สามมิติในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังมีพื้นที่การพิมพ์ที่ค่อนข้างจำกัดมากเมื่อเทียบกับระบบอื่น
ข้อดี : พิมพ์งานในส่วนของเส้นโค้งได้เรียบเนียนกว่าระบบอื่นๆ พิมพ์งานได้สูงมากๆ
ข้อเสีย : ซ่อมยาก พื้นที่พิมพ์จะเล็ก
4. ระบบ SCARA
ระบบ SCARA หรือระบบ Robotic ระบบนี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากระบบนี้จะใช้การทำงานของแขนหุ่นยนต์มาเป็นพื้นฐานในการสร้างเป็นเครื่องพิมพ์สามมิติ ส่วนมากเครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะถูกใช้ในโรงงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น ทำให้ระบบของเครื่องนี้จะดูแปลกตามากๆ
ข้อดี : มีความแม่นยำสูงมาก เหมาะกับการพิมพ์งานอุตสาหกรรม พิมพ์งานได้เร็ว
ข้อเสีย : ระบบซับซ้อนกว่าเครื่องพิมพ์ทุกประเภท
จุดเด่น จุดด้อยของ 3D Printer FDM
จุดเด่น
1.ราคาถูก
ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ระบบ FDM นั้นได้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทำให้ในตลาดเกิดการแข่งขันกันสูงมาก ซึ่งส่งผลโดยตรงทำให้ราคาถูกลง เครื่องพิมพ์ระบบ FDM นั้นได้แฝงอยู่เกือบทุกสายงาน ตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไป สถานศึกษา จนถึงในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เหล่าผู้ผลิตเครื่องพิมพ์สามมิตินั้นต้องแข่งขันกันกันอย่างดุเดือดทั้งราคา และคุณภาพ และเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานเฉพาะทางให้มากขึ้นไปอีก เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกสายงาน
2. วัสดุที่หลากหลาย
นอกจากวัสดุถูก แล้วยังมีตัวเลือกให้เลือกอีกมากมายหลากหลายชนิด เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น นอกจากชนิดวัสดุยังเยอะ แล้วยังมีสีให้เลือกได้อย่างจุใจ ซึ่งในปัจจุบันได้เกิดวัสดุการพิมพ์สำหรับระบบ FDM ขึ้นมามากมาย ทั้งการพัฒนาวัสดุพื้นฐานที่นิยมใช้งานกันอย่างเช่น PLA ที่ได้มีการเติมส่วนผสมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงเช่น PLA-CF, PLA metal-filled เป็นต้น หรือเป็นการเพิ่มลูกเล่นของ PLA ขึ้นมาเช่น เส้นแบบ Color-change ที่ทำการเปลี่ยนสีได้เมื่อมีการเปลี่ยนอุณหภูมิระหว่างการพิมพ์ หรือเส้นสีรุ้งเป็นต้น และวัสดุอุตสาหกรรมก็เริ่มมีการทำเป็น Composite มากขึ้นเพื่อให้พิมพ์ง่าย แต่ยังคงคุณสมบัติที่แข็งแรง หรือแข็งแรงกว่าเดิม เช่น PC-ABS,PA6-CF เป็นต้น
ศึกษาวัสดุการพิมพ์สำหรับ FDM 3D Printer เพิ่มเติม
3. มีกลุ่มผู้ใช้งานมากที่สุด
ผลพวงจากการลดราคาของเครื่องพิมพ์ส่งผลโดยตรงทำให้ผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์ FDM เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และเมื่อมีการใช้งานเป็นจำนวนมาก ก็จะมีการแชร์ข้อมูลต่างๆ รวมถึงปัญหาการใช้งาน และวิธีแก้ปัญหาจำนวนมาก ซึ่งทำให้การใช้เครื่องพิมพ์ระบบ FDM นั้นไม่ยากอีกต่อไป แน่นอนว่าผู้ผลิตเองก็เก็บข้อมูลมาจากผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากขึ้น และทำการปรับปรุงเครื่องพิมพ์ให้มีความเสถียรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลหากเกิดปัญหาขึ้นภายหลังการใช้งานเครื่องพิมพ์อีกต่อไป
จุดด้อย
1.ความละเอียดในการพิมพ์ต่ำ
ถึงแมัว่าการพิมพ์งานด้วยระบบ FDM นั้นจะถูกพัฒนาขึ้นมากในปัจจุบัน จนทำให้ชิ้นงานมีความแม่นยำ และพิมพ์งานได้สวยขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสวยงามของงานยังสู้ระบบอื่นๆ ไม่ได้ โดยความละเอียดการพิมพ์งานของระบบ FDM ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 0.05-0.3 มม. ทำให้จะเห็นรอยต่อของชั้นได้ค่อนข้างชัดเจน จึงทำให้ไม่เหมาะกับงานความละเอียดสูง และหากเป็นงานที่มีรายละเอียดที่เยอะมากๆ ลวดลายก็อาจจะหายไปเนื่องด้วยการทำความร้อนของหัวฉีดที่ทำให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บนตัวงานละลายหายไปนั่นเอง
2.การเก็บงานหลังจากพิมพ์เสร็จมีมากกว่า
การพิมพ์งานด้วยระบบ FDM นั้นจำเป็นต้องพิมพ์ซัพพอร์ตขึ้นมาค้ำชิ้นงานในส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวงาน เมื่อแกะซัพพอร์ตออกแล้วผิวงานจะขรุขระไม่เรียบทำให้ต้องเก็บงานเยอะ หากต้องการให้ชิ้นงานเนียนสวย โดยการเก็บงานของงานพิมพ์สามิตินั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้ใช้งานด้วย โดยการเก็บที่นิยมใช้กันจะเป็นการขัดกระดาษทราย หรืออาจจะทำการพ่นเคลือบเพื่อปกปิดชั้นของชิ้นงานก็ได้ แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม การเก็บงานจะทำให้ชิ้นงานเสียขนาดที่แท้จริงไปทำให้จะต้องมีการตั้งค่าเผื่อในส่วนนี้เพิ่มเติม
3.ไม่เหมาะกับการผลิตงานจำนวนมาก
ในปัจจุบันเริ่มมีหลายท่าน หรือหลายบริษัทที่ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในองค์กรมาใช้เครื่องพิมพ์สามมิติแทน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่การที่เราจะใช้เครื่องพิมพ์สามมิติมาผลิตงานแบบจำนวนมากนั้น ยังคงไม่เหมาะสมด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างแรกคือราคาต้นทุนพลาสติกที่เป็นวัสดุของเครื่องพิมพ์สามมิติ แม้ว่าจะราคาไม่แพงมาก แต่หากเพียบกับการฉีดพลาสติกที่ราคาพลาสติกตกราคากิโลละไม่ถึงร้อยบาทแล้ว (ซึ่งถูกว่าวัสดุสำหรับเครื่องพิมพ์สามมิติที่ราคาประมาณ 300-600 บาทขึ้นไป) จะส่งผลให้ราคาต้นทุนนั้นเพิ่มมากขึ้นแบบไม่จำเป็น ซึ่งยังมีเรื่องของค่าเสื่อมเครื่อง และค่าอะไหล่สิ้นเปลืองของเครื่องพิมพ์สามมิติอีกด้วย ซึ่งอาจจะได้ไม่คุ้มเสียในระยะยาว
นอกจากนี้การใช้เครื่องพิมพ์สามมิติในการผลิตชิ้นงานยังใช้เวลาในการผลิตค่อนข้างมาก และผลิตได้ครั้งละไม่มากตามขนากแท่นพิมพ์ของแต่ละเครื่อง ดังนั้นการผลิตเป็นจำนวนพัน หรือหมื่นชิ้นจึงยังไม่คุ้มทุน
แนะนำการเลือกเครื่อง FDM ไว้ใช้งาน
การเลือกเครื่องพิมพ์ระบบ FDM มาใช้งานนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องดูประกอบกัน เพื่อให้การตัดสินใจง่ายขึ้น และตรงกับงานเรามากที่สุด
1.งบประมาณ
เครื่องพิมพ์สามมิติระบบ FDM ในปัจจุบันนั้นมีราคาถูกลงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหลายแสนบาทก็มี ทำให้การตั้งงบประมาณต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อที่จะได้เครื่องไม่แพงจนเกินไป หรือถูกเกินไปจนใช้งานได้ไม่เหมาะกับเรา แต่หากงบประมาณมีน้อยก็จะเลือกเครื่องที่ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่เยอะมาก หรืออาจจะใช้แบบ DIY เลยก็ยังได้ครับ ถึงแม้ว่าการตั้งงบประมาณจะสำคัญ ผู้ใช้งานต้องประเมินผู้ใช้ด้วยเหมือนกัน เช่น หากเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยใช้เลย หรือไม่มีความรู้ด้านช่าง ก็อาจจะต้องเลือกเครื่องที่มีฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้ง่าย และซ่อมบำรุงได้ง่ายๆ ไปก่อน
2.ผู้ใช้งาน
จุดนี้สำคัญรองลงมา เพราะต่อให้เครื่องแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานทุกคนได้ ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้งานยังเป็นเด็กนักเรียน เครื่องที่เราจะซื้อนั้น ต้องเป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานไม่ยากจนเกินไป และเครื่องมีลักษณะเป็นตู้เพื่อความปลอดภัย หรือผู้ใช้งานเป็นวิศวกรออกแบบชิ้นงาน เครื่องที่เลือกใช้ก็ต้องเป็นเครื่องที่ทำความร้อนได้สูง เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานวัสดุเกรดอุตสาหกรรมได้ หรือหากผู้ใช้งานเป็นคนทั่วไปใช้พิมพ์งานทั่วๆ ไปก็สามารถเลือกได้หลากหลายตามงบประมาณ เป็นต้น
3.ประเภทหรือลักษณะงานที่ต้องการใช้
เครื่องพิมพ์สามิติทุกเครื่องนั้นสามารถพิมพ์ชิ้นงานได้หลากหลาย และเกือบทุกรูปทรง ฉะนั้นให้ดูการนำชิ้นงานไปใช้เป็นหลักครับ เช่น หากทำชุดแข่งรถมอเตอร์ไซค์ วัสดุที่ใช้งานส่วนก็จะเป็น ABS หรืออาจจะเป็น PC ดังนั้นก็จำเป็นต้องเลือกเครื่องที่สามารถพิมพ์วัสดุชนิดดังกล่าวได้ แต่หากใช้งานทั่วไป พิมพ์งานเล่นๆ ก็จะจะดูเพียงแค่งบประมาณก็เพียงพอแล้ว
แต่งานบางประเภทไม่สามาถพิมพ์ได้ด้วยระบบนี้ก็ อาจจะต้องใช้เป็นระบบ SLA หรือระบบอื่นๆ แทน เช่น งาน Figure ขนาดเล็ก ความละเอียดสูงๆ หรืองานระบบ Jewely และงานที่มีความบางมากๆ
SLA 3D Printer คืออะไร?
4.ขนาดการพิมพ์
การเลือกขนาดงานพิมพ์นั้นจะต้องสังเกตจากงานที่เราต้องการพิมพ์เป็นหลัก และแน่นอนว่าควรเลือกเครื่องให้ขนาดใหญ่เผื่องานในอนาคต แต่ก็ไม่ควรเลือกเครื่องใหญ่มากนัก เพราะยิ่งเครื่องใหญ่ราคาเครื่องก็จะยิ่งสูงตาม อีกทั้งยังส่งผลต่อการใช้งานที่มีความยากมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นให้ดูว่างานชิ้นใหญ่สุดที่เราคิดว่าจะพิมพ์มันนั้นมีขนาดใหญ่สุดเท่าไหร่ และอาจจะซื้อเครื่องขนาดใหญ่กว่าเผื่อไว้อีกซักหน่อย เช่น หากชิ้นงานที่ใช้มีขนาดใหญ่สุดประมาณ16-18เซนติเมตร เราอาจจะดูเป็นเครื่องขนาดประมาณ 20-22 เซนติเมตรไว้ใช้งาน
สรุป
FDM 3D Printer นั้นเป็นเครื่องพิมพ์สามมิติที่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายเป็นอย่างมาก และด้วยเครื่องพิมพ์สมัยนี้มีราคาถูกลงกว่าในอดีตมาก ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันเทคโนโลยี และสงครามราคา ซึ่งผลประโยชน์นั้นตกอยู่กับผู้บริโภค ที่สามารถจะมีเครื่องพิมพ์สามมิติไว้ใช้งานกันได้ง่ายขึ้น และในสมัยนี้สถาบันการศึกษาหลายๆ แห่งได้ทำการบรรจุเครื่องพิมพ์สามมิติลงในหลักสูตร และเพิ่มวิชาใหม่ที่ให้นักเรียนได้รู้จักการออกแบบ และใช้งานเครื่องพิมพ์สามมิติกันมากขึ้น บวกกับวัสดุการพิมพ์ที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ระบบนี้นั้นก็มีให้เลือกหลากหลายชนิด และหลากหลายสี ที่ทำให้รองรับการใช้งานทั่วไป งานประดิษฐ์เล็กน้อย ไปจนถึงอุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย ซึ่งเครื่องพิมพ์สามมิติเองนั้นก็เป็นตัวเร่งนวัตกรรม ที่กำลังเกิดได้เป็นอย่างดีเพราะสามารถผลิตงานต้นแบบที่ถูกลง และรวดเร็วขึ้นมาก
แนะนำเว็บโหลดโมเดลฟรี
สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานยังไม่มีไฟล์สามมิติเป็นของตัวเอง วันนี้เรามีเว็บโหลดไฟล์ฟรีมาแนะนำทุกคนกันครับ
Thingiverse
เว็บโหลดไฟล์ฟรียอดนิมตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการใช้งานเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่สร้างโดย Makerbot ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์สามมิติชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันควบรวมกับ Ultimaker) จุดเด่นของเว็บนี้คือ เป็นเว็บแรกๆ ที่ผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์สามมิติใช้งานกัน ทำให้จำนวนไฟล์ที่ถูกอัพโหลด และมีการปรับปรุงนั้นมีอยู่จำนวนมาก จึงเหมาะกับการหาไฟล์เริ่มต้นมาใช้งานครับ
ทดลองใช้งาน >> Thingiverse
Printables
Printables สร้างขึ้นโดย Prusa Research จากสาธารณรัฐเช็ก โดยพื้นฐานถูกสร้างมาเพื่อซัพพอร์ตผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์ของ Prusa เป็นหลัก แต่ด้วย UI ที่สวยงามทำให้ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งจุดเด่นยังเป็น 3D Viewer ที่ใช้งานง่าย และดูได้ทุกไฟล์ที่ดาวน์โหลด และยังมีการจัดคอนเทนต์ไฟล์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ทดลองใช้งาน >> Printables
Makerworld
เว็บน้องใหม่มาแรงจาก Bambulab ประเทศจีน จุดประสงค์คล้ายกับ Printables ที่ทำเพื่อซัพพอร์ตลูกค้าที่ใช้งานเครื่อง Bambulab เป็นหลัก แต่จุดเด่นของเว็บนี้คือ เราจะเจอไฟล์แปลกๆ ที่มีความซับซ้อนอยู่มาก ทำให้หาไฟล์มาพิมพ์ได้ไม่เบื่อกันเลยทีเดียว แต่จุดอ่อนคือผู้ Upload สามารถเลือกได้ว่าจะอัพไฟล์ STL ขึ้นไปหรือไม่ ทำให้หลายไฟล์ไม่สามารถพิมพ์เครื่องได้โดยตรง ทำให้ต้องวุ่นวายกับการแปลงไฟล์ไปมาพอสมควร
ทดลองใช้งาน >> Makerworld
เครื่องพิมพ์สามมิติเน้นใช้งานทั่วไป
เครื่องพิมพ์สามมิติเน้นใช้งานในอุตสหกรรม
-
HotWifiCamDirect Drive
Flashforge Guider 3 Ultra HighSpeed 3D Printing
Original price was: 239,000.00 ฿.139,000.00 ฿Current price is: 139,000.00 ฿. Add to cart -
HotWifiCamDirect Drive
Flashforge Guider 3
Original price was: 99,900.00 ฿.69,900.00 ฿Current price is: 69,900.00 ฿. Add to cart -
WifiCam2-Extruders
Flashforge Creator 4s
Original price was: 359,000.00 ฿.329,000.00 ฿Current price is: 329,000.00 ฿. Add to cart
วัสดุการพิมพ์สามมิติเน้นใช้งานทั่วไป
-
3DD PLA MATTE 1.75mm Filament ผิวด้านสนิท เนียนสวย
Best Seller Original price was: 650.00 ฿.590.00 ฿Current price is: 590.00 ฿. Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
3DD PLA Pro 1.75mm Filament
Original price was: 590.00 ฿.550.00 ฿Current price is: 550.00 ฿. Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
3DD PLA Silk 1.75mm Filament
Best SellerOriginal price was: 690.00 ฿.650.00 ฿Current price is: 650.00 ฿. Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
3DD PLA Marble 1.75mm Filament
Original price was: 690.00 ฿.650.00 ฿Current price is: 650.00 ฿. Add to cart
วัสดุการพิมพ์รองรับระดับอุตสาหกรรม
-
3DD ABS Pro 1.75mm Filament
Original price was: 590.00 ฿.550.00 ฿Current price is: 550.00 ฿. Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
3DD Elastic (TPU95A) 1.75mm/1Kg Filament
Original price was: 1,180.00 ฿.650.00 ฿Current price is: 650.00 ฿. Add to cart -
3DD PC Polycarbonate 1.75mm FILAMENT
Original price was: 990.00 ฿.650.00 ฿Current price is: 650.00 ฿. Add to cart -
3DD Carbon Fiber 1.75mm Filament
Original price was: 1,490.00 ฿.1,190.00 ฿Current price is: 1,190.00 ฿. Read more