เวลาที่เรามองไปที่ล้อรถรุ่นใหม่ของ Michelin (ฉายา “The Vision”) เหมือนเรากำลังจ้องมองภาพวาดอันตระการตาของล้อรถยนต์ในอนาคต โครงถักสีฟ้าไม่มีอะไรที่เหมือนล้อรถทั่วไปเลยสักนิดเดียว แต่ก็รู้สึกได้ถึงความหนักแน่นมั่นคง มันยังประกอบด้วยเอกลักษณ์ของความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย คุณลักษณะที่ว่ามาอาจจะมีอยู่บ้างแล้วในยางรถยนต์ในตลาด แต่ก็ยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น The Vision ได้พิสูจน์แล้วว่าการผสมผสานแนวคิดทั้งเก่า และใหม่ ทำให้เราต้องชำเลืองดูแผนการของ Michelin ที่เรียกว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่เป้าหมายการใช้รถยนต์อย่างยั่งยืน (Sustainable Mobility).
The Vision ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วที่สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่มันก็ยังไม่ใช่ต้นแบบที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการผลิตในเร็ววันนี้ เพราะนี่คือการนำเสนอนวัตกรรมที่จะค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่การผลิตจำนวนมากต่อไปในอนาคต
ที่สำคัญก็คือ The Vision เป็นทั้งล้อและยางในตัว นั่นหมายความว่าไม่จำเป็นต้องเติมลม หรือเปลี่ยนวงล้อ โครงสร้างของมันแข็งแรงมากพอที่จะรับน้ำหนักรถทั้งคัน แต่ก็ยืดหยุ่นพอที่จะรับแรงกระแทกและแรงอัด The Vision จะยึดติดกับรถด้วยดุมล้อ
เนื่องจากที่ไม่ต้องเติมลม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องยางอ่อน หรือยางระเบิด ทำให้มีความปลอดภัยสูง ล้อรถบางชนิดของ Michelin เองเช่นล้อสำหรับรถออฟโร๊ด หรือรถกอล์ฟ และรถในงานก่อสร้าง ก็ใช้ล้อที่ไม่เติมลมอยู่แล้ว
ในเนื้อยางประกอบด้วยส่วนผสมของยางซึ่งได้มาจากสารอินทรีย์ และวัสดุรีไซเคิล ตัวอย่างเช่น resin ทำมาจากเปลือกส้มแทนที่จะทำจากน้ำมันปิโตรเลียม Terry Gettys รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายวิจัย และพัฒนาของ Michelin กล่าวถึงกากน้ำตาลว่าเป็นอีกหนึ่งวัสดุธรรมชาติที่สามารถใช้ผลิตยางสังเคราะห์ได้ ตัวอย่างอื่นๆ ของวัสดุทดแทนที่นำมาใช้เช่นฟางข้าว กระดาษ และโลหะ แนวคิดนี้อาจจะใช้เวลานับสิบปีก่อนที่จะนำมาเป็นวัสดุหลักในการผลิตยาง และมันก็ไม่สามารถทดแทนวัสดุที่ใช้ในการผลิตแบบปรกติได้ทั้งหมด แต่มันก็กำลังถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากที่ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติแล้ว มันยังหล่อดอกยางใหม่ได้ มีระบบตรวจวัด สามารถวิเคราะห์และบันทึกข้อมูลให้ผู้ขับขี่ทราบระหว่างการใช้งานด้วย มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จากโลกอนาคตที่มีอยู่ในปัจจุบัน
“เราตั้งใจให้ The Vision มีเสน่ห์ ดึงดูดสายตาของผู้คน” คุณ Gettys กล่าว “เราทำให้มันมีความสวยงามเพื่อสะท้อนถึงแรงบันดาลใจที่เราได้จากวัสดุที่นำมาใช้ผลิตมัน”
The Vision สามารถเปลี่ยนดอกยางได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ ตามแนวคิดของ Michelin คุณสามารถขับรถเข้าไปที่สถานีน้ำมันเพื่อเลือกลายดอกยางที่คุณชอบ เลือกวัสดุ แล้วก็สั่งพิมพ์ลงบนยางของคุณโดยตรง หรือถ้าคุณต้องการยางรูปแบบใหม่เพราะต้องไปยังพื้นที่ๆ เป็นหิมะ หรือทราย คุณสามารถให้เครื่องแนะนำรูปแบบที่เหมาะสมให้กับคุณได้ด้วย
ยางในอนาคตยังสามารถติดตั้งระบบตรวจวัดต่างๆ เช่นแรงดันลม ระยะทางที่ใช้งานไปแล้ว แล้วส่งให้เจ้าของรถ หรือเจ้าของอู่ได้ทราบเพื่อการตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
แม้เราจะยังไม่ได้เห็น The Vision ตามท้องถนนในเร็ววันนี้ แต่มันก็ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Michelin และมันจะค่อยๆ เริ่มมีให้เห็นในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า แต่จากข้อดีมากมายที่เราเห็นก็คุ้มค่ากับเวลาที่จะต้องรอ
ที่มา: https://www.engadget.com